กุ้ยหลิน เมืองแห่งความฝัน สวรรค์บนพิภพ
ทริปนี้ดิฉันมีโอกาสได้ไปพักผ่อนที่เมืองกุ้ยหลินค่ะ เพราะชื่่อเสียงเรียงนามของกุ้ยหลินนั้นค่อนข้างจะคุ้นหูคนไทยนะค่ะ อีกทั้งยังเป็นเมืองเล็กๆ ในมณฑลกวางสี การเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังเมืองกุ้ยหลินในปัจจุบันสามารถบินตรงได้ด้วยสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ใช้เวลาบินสบายๆ ราว 3 ชั่วโมง
กว่าๆค่ะ ก็ถึงกุ้ยหลิน (ตามเวลาท้องถิ่น)
สนามบินของเมืองกุ้ยหลินปัจจุบันยกระดับขึ้นเป็นสนามบินนานาชาติแล้ว แต่ตัวอาคารผู้โดยสารยังไม่ได้พัฒนาให้สวยงามทันสมัยเหมือนสนามบินสุวรรณภูมิ แต่เชื่อว่าอีกไม่นานหรอกค่ะ จีนคงทำแน่ เพราะยอดผู้โดยสารที่ผ่านเข้ากุ้ยหลินเพิ่มขึ้นทุกปี นอกจากนี้ยังถือว่ากุ้ยหลินเป็นประตูอีกบานของเขตปกครองพิเศษมณฑลกวางสี ที่มีประชากรอยู่รวมกันทั้งมณฑลหนาแน่นถึงกว่า 46 ล้านคน โดยมีชาวจีนเผ่าจ้วงอาศัยอยู่มากที่สุด

วันรุ่งขึ้นดิฉันได้ไปเที่ยวเมืองกุ้ยหลินจริงๆ เสียที ว่าธรรมชาติที่ยังบริสุทธิ์ของที่นี่อัศจรรย์สมคำล่ำลือดังที่เหล่านักเดินทางทั้งหลายได้พูดเอาไว้จริงๆ โดยเฉพาะภูเขาและสายน้ำ เรียกได้ว่ามองเท่าไรก็ไม่เบื่อ บางครั้งดูเหมือนภาพวาดมากกว่าของจริงเสียอีก ธรรมชาติอันแปลกพิสดารของเมืองกุ้ยหลินนี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลกเมื่อราว 300 ล้านปีมาแล้ว ทำให้พื้นดินบริเวณนี้ซึ่งเคยเป็นทะเลมาก่อนยกตัวขึ้นสูง ภูเขาหินปูนใต้ทะเลที่มีอยู่มากมายจนเรียกได้ว่าเป็นทะเลภูเขาก็ผุดขึ้นมา กระทั่งถูกลมและน้ำฝนกัดจนกร่อน เกิดรอยตะปุ่มตะป่ำเว้าๆ แหว่งๆ อย่างที่เห็นในปัจจุบันเลยค่ะ กลายเป็นภาพที่งดงามแปลกตาหาชมที่ไหนไม่ได้เหมือนที่ใครต่อใครพูดถึงจริงๆ เนื่องจากเมืองกุ้ยหลินอยู่ติดกับทะเลจีนใต้ซึ่งมีถึง 4 ฤดู ความที่เคยเป็นทะเลมาก่อน พื้นดินจึงอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุ ปลูกอะไรก็งอกงามไปหมด ทั้งที่ตามธรรมชาติแถบนี้ก็เขียวอยู่แล้ว เพราะน้ำท่าบริบูรณ์ ไม่มีคำว่าแล้ง มองไปทางไหนก็เขียวไปหมดเลย พิพิธภัณฑ์หินงาม ภายในเก็บรักษาฟอสซิล และจัดแสดงหินธรรมชาติที่มีลักษณะเฉพาะ รูปร่างแปลกตา หายาก หินบางก้อนทรงคุณค่าแบบประมาณค่าไม่ได้ หยางซั่ว เดิมเป็นหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆมีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 650 ปี พอจีนเปิดประเทศในปี ค.ศ.1978 หยางซั่วก็เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวแบ็กแพ็ก จากนั้นหยางซั่วได้พัฒนาเมืองจนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวโด่งดังควบคู่ไปกับเมืองกุ้ยหลิน โดยเฉพาะกับกิจกรรมล่องเรือทัศนาแม่น้ำหลี(หลีเจียง)จากกุ้ยหลินสู่หยางซั่วนั้น ถือเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวยอดฮิต เพราะทิวทัศน์สายน้ำขุนเขาในเส้นทางสายนี้ “แม่น้ำนี้งดงามราวสายเข็มขัดไหมสีมรกต ส่วนภูผานั่นเล่าเป็นดังจุฑามณีสีหยก”อย่างไรก็ดีหากใครเดินทางมาหยางซั่วทางถนน(เหมือนกับดิฉันในทริปนี้) ก็สามารถล่องเรือระยะสั้นชม 2 ฟากฝั่งแม่น้ำหลีได้ เพราะทิวทัศน์ขุนเขาและคุ้งน้ำที่ได้ชื่อว่าโดดเด่นที่สุดในเส้นทางล่องแม่น้ำหลีนั้นอยู่ในเมืองหยางซั่วนี่เอง นอกจากเส้นทางล่องเรือชมแม่น้ำหลีแล้ว หยางซั่วยังมีเส้นทางล่องแพไม้ไผ่ไปตามแม่น้ำ “มังกรหยก” ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับลำน้ำสายนี้อย่างใกล้ชิด ส่วนภูเขาแค่เดินทางเข้ามาในเมืองกุ้ยหลินเราก็จะได้พบเห็นขุนเขาน้อยใหญ่มากมายตั้งตระหง่านอยู่ทั่วเมือง ขุนเขาในตัวเมืองเหล่านี้ล้วนต่างเป็นเขาหินปูนที่ถูกธรรมชาติสร้างสรรค์ให้มีรูปร่างแปลกตาโดยขุนเขาไฮไลท์ที่ถือเป็นดังสัญลักษณ์ของเมืองกุ้ยหลินก็คือ “เขางวงช้าง”(เซี่ยงปี๋ซาน) ที่ในมุมมองจะมีรูปลักษณะคล้ายช้างกำลังยื่นงวงดูดน้ำในแม่น้ำหลี ซึ่งในบริเวณริมฝั่งน้ำของเขาลูกนี้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเดินเล่น บ้างก็ไปล่องเรือ-ล่องแพไม้ไผ่ท่องลำน้ำหลีในระยะสั้นๆ ส่วนที่นิยมกันมากก็เห็นจะเป็นการไปยืนโพสต์ท่าถ่ายรูปคู่กับเขางวงช้าง เพื่อให้ได้ภาพที่ประทับใจกลับไปขณะที่การเที่ยวชมถ้ำกับหินงอกหินย้อยถือเป็นของคู่กัน สำหรับถ้ำยอดฮิตอันดับหนึ่งในตัวเมืองกุ้ยหลินได้แก่ “ถ้ำขลุ่ยอ้อ”(หลูตี๋เหยียน) ภายในถ้ำขลุ่ยอ้องดงามปานเนรมิตไปด้วยหินงอกหินย้อยจำนวนมากให้ดิฉันได้จินตนาการตามคำบอกเล่าของไกด์นำเที่ยวกันตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็น เสาหิน ผ้าม่าน หินรูปมนุษย์หิมะ ตุ๊กแก เจ้าแม่กวนอิม พระพุทธรูป ตาแป๊ะ ปลาทอง สิงโตรับแขก สิงโตส่งแขก โดยมีไฮไลท์ประจำถ้ำเป็น “วังบาดาล” ที่เป็นวังน้ำมีหินงอกหินย้อย ทอดเงาตกสะท้อนลงในวังน้ำ ซึ่งทางการจีนได้ตกแต่งด้วยการฉายย้อมแสงสีไฟหลากสีส่องประดับลงไปท่ามกลางโถงถ้ำขนาดใหญ่ ดูแล้วงดงามวิจิตรยิ่งนัก หันมาดูที่ไฮไลท์สุดท้ายอย่างสวนสาธารณะกันบ้าง กุ้ยหลินมีสวนสาธารณะชื่อดังคือ “สวน 7 ดาว” สวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดของเมือง สวน 7 ดาว มียอดเขา 7 ยอด ภายในมีจุดชวนชมอย่าง เขารูปอูฐ วัด ถ้ำ ป่าศิลาจารึก และสวนสัตว์ ที่ครั้งหนึ่งเคยมี“เหมยเหม่ย” หมีแพนด้าที่อายุยืนที่สุดของจีนเป็นดาวเด่น แต่วันนี้เหมยเหม่ยได้ลาโลกจากไปนานหลายปีแล้ว
นอกจากไฮไลท์ท่องเที่ยว 5 สิ่งของคนจีนตามคำบอกเล่าแล้ว กุ้ยหลิน ยังมีไฮไลท์ลำกับที่หกสำหรับคนไทยนั่นก็คือ “ถนนคนเดิน” ช้อปปิ้งแหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่ที่มากมายไปด้วยสินค้าสารพัดสารพันทั้งบนดินและใต้ดิน ถ้ำแห่งนี้ เปิดให้เที่ยวชมมาร่วม 50 ปีแล้ว จัดเป็นถ้ำสำคัญในระดับรับแขกบ้านแขกเมืองเคยรับอาคันตุกะดังๆของโลกมาแล้วหลายคน รวมถึงเคยใช้รับเสด็จสมเด็จพระพี่นางฯเมื่อคราวเสด็จมาเยือนกุ้ยหลินในปี พ.ศ. 2546 ด้วย "วันสุดท้ายก่อนกลับดิฉันก็ได้ไปนั่งกระเช้าที่ภูเขาที่สูงที่สุดในกุ้ยหลินที่เสียวมากๆๆสำหรับคนที่กลัวความสูงเพราะดูไม่ปลอดภัยแต่พอขึ้นไปแล้วก็ไม่มีอะไรมาก สนุกดีค่ะ แล้ววิธีการขึ้นเขาของที่นี่มีสองแบบ คือ ขึ้นกระเช้าและเดินขึ้นไป"ส่วนตอนลงก็มีให้เลือก ว่าจะลงกระเช้าหรือจะลงแบบรถเล็กๆสไลด์ลงมาเมื่อมาถึงแล้วดิฉันต้องลองให้ครบทุกแบบค่ะ ฉันเลือกลงแบบสไลด์ลงมาแต่ก่อนจะลงดิฉันก็ต้องเสียไป 35 หยวน
ขอบคุณแหล่งข้อมูลและภาพสวยๆๆ
http://www.oknation.net/http:
http://www.manager.co.th