วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2555

คุนหมิง-นครแห่งฤดูใบไม้ผลิ



คุนหมิง นครแห่งฤดูใบไม้ผลิ

เที่ยวจีน ณ ดินแดนที่มีป่าหินสวยงามพร้อมกับบรรยายกาศสบายๆๆที่คุณและใครๆๆก็ไม่พลาด คุนหมิงไม่ลองก็ไม่รู้  ดิฉันนั่งเคื่องบินของจีน เที่ยวบินที่ MU 742 ขึ้นเครื่องไม่ทันไรก็มีแอร์โฮสเตสมาเสริฟ์อาหารพร้อมเครื่องดื่ม ถือว่าบริการใช้ได้เลย พอดิฉันทานเสร็จเรียบร้อย ดิฉันกำลังจะหลับพักผ่อนซะหน่อย เสียงกัปตันก็ดังขึ้น เหินฟ้าไม่ถึง 2 ชั่วโมงดีก็ถึงแล้ว ยังไม่ได้นอนเลยถึงแล้วอ่ะ  พอลงเครื่องก็จะมีรถเมล์คล้ายๆบ้านเรามารับที่สนามบิน อูเจียป้า  อากาศที่นี้เย็นสบายมากเลยค่ะ พอลงเครื่องแล้วก็ได้สัมผัสลมเย็นๆปะทะผิวเลยที่เดียว ไม่หนาวมากพอสบายตัวเหมาะกับคนไทย  มิน่าถึงได้สมญานามว่าเป็น "นครแห่งฤดูใบไม้ผลิ"เพราะมีอากาศเย็นทั้งปี ที่แรกที่ดิฉันได้มาเที่ยวคุนหมิงที่ใครๆมาที่นี้ไม่มีทางพลาด อุทยานป่าหิน  อันลือชื่อ พอได้มาเห็นกับตาก็รู้เลยว่าสมชื่อเขาเลยแหละ ว่าทำไมถึงเรียกว่าป่าหิน เป็นหินขึ้นเรียงกันเหมือนต้นไม้เลยสุดลูกหูลูกตาสวยงามมาก  เพราะป่าหินที่นี้เขาให้เดินชมได้อย่างธรรมชาติจริงๆต้องเดินไปตามซอกหินทางก็ไม่ค่อยแคบเท่าไร เดินสบายมาก อากาศค่อนข้างเย็นสบายมากๆเดินไปฟังบรรยายไป ไกด์ก็จะบรรยายรูปหินว่าลููบๆคล่ำๆแล้วจะสุขภาพดี จะแข็งแรง ดิฉันก็ไปลูบๆคล่ำๆตามที่ไกด์บอก  ถ้ำจิ่วเซียงการเดินทางมีอยู่สองอย่างให้ผู้ที่มาเที่ยวเลือกได้ตามใจ  ทางเลือกแรกเป็นการเดินค่ะ เดินก็ประมาณ  6-7 กิโล เดินตามขันบันไดขึ้นๆลงๆตามไหล่เขา และทางเลือกที่สอง คือลงลิฟต์ ดิฉันเลือกลงลิฟต์ค่ะ  พอลงจากลิฟต์ดิฉันก็มานั่งเรือชมความสวยงามของช่องแคบ ซึ่งทั้ง 2 ข้างเป็นหน้าผาที่มีความสูงถึง 150 เมตร ชมความสวยงามเสร็จก็ถึงเวลาเข้าถ้ำกัน ในถำประกอบด้วย 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นถ้ำธรรมชาติซึ่งเคยเป็นที่อยู่อาศัยของคนเผ่าน้อยในสมัยก่อน ในถ้ำมีการประดับแสงสีไว้สวยงามเลยค่ะ ส่าวที่สองคือถ้ำน้ำ ในถ้ำประกอบด้วยน้ำตกตัวเมียตัวผู้และมีแปลงนาเป็นขันบันไดร้อยชั้น พอมาถึงช่วงที่สองเนี้ยะละค่ะทำเอาดิฉันเหนื่อยใจแทบขาด เดินจนทะลุออกจากถ้ำ ด้านในถ้ำสวยมากๆๆ ดิฉันต้องกระเช้าไฟฟ้ากลับไปทางเข้า เพราะถ้าไม่นั่งกระเช้าไฟฟ้าจะต้องเดินย้อนกลับไปที่เดิม คงไม่มีใครหรอค่ะที่ไม่นั่งกระเช้าๆไฟฟ้า 
เป็นเช้าอีกวันหนึ่งที่อากาศสดใส ออกเดินทางไปยัง เขาซีซาน ประตูมังกร มีคนบอกว่ามาถึงต้องเอามือล่วงปากสิงโตแล้วเอามาใส่กระเป๋ากางเกง ห้ามแบมือก่อนใส่ในกางเกง จะทำให้มีเงินทองไหลมา เทมา ให้กระเป๋าแบบว่ารวยๆ ประตูมังกรซึ่งถื่ว่าเป็นประตูแห่งความโชคลาภและความมั่งคั่ง เป็นประตูสิริมงคล คนจีนเชื่อว่าใครได้เดินผ่านประตูแห่งนี้จะมีโชคลาภ
ตำหนักทอง ซึ่งนายพลอู๋ซานกุ้ย แห่งราชวงศ์หมิงสร้างขึ้นเพื่อเลียนแบบพระราชวังหลวงกรุงปักกิ่ง ตำหนักทองแห่งนีมีหลังคาและฝาผนังที่สร้างด้วยแผ่นทองเหลืองน้ำหนักถึง 380 ตันถือว่าเป็นตำหนักทองที่ใหญ่ที่สุดของเมืองทอง สวยที่สุด และด้านหน้าจะมีตัวภาษาจีนที่อยู่ต้อนรับก่อนเข้ามา คือ เฮง ใครผ่านประตูนี้ก็จะเฮงๆๆๆ และภายในตำหนักทองยังมี
ต้นจักะจี้ ถ้าได้ลูบที่ลำต้นมันนะ ใบด้านบนมันจะสั่นๆ มันก็แปลกไปอีกแบบ เพราะดิฉันลองไปลูบเบาๆๆก็มีอาการสั่นๆค่ะ น่าทึ่งมาก  และแล้วก็มาถึงที่เที่ยวที่สุดท้ายของทริปนี้ค่ะ


วัดหยวนทง  ตั้งอยู่ใจกลางเมืองคุนหมิง  จุดเด่นของวัดนี้อยู่ที่อาคารต่างๆภายในวัดจะสร้างอยู่บรเวณตีนเขา ซึ่งแตกต่างไปจากวัดทั่วไปของจีนที่มักสร้างไว้ในที่สูง  มีการเล่าขานกันว่าวัดหยวนทงเป็นเพียงศาลเจ้าแม่กวนอิม ภายหลังมีผู้คนมากราบไหว้มากขึ้นเรื่อยๆศาลเจ้าแม่กวนอิมจึงถูกสร้างเป็นวัดในเวลาต่อมา และภายในวัดหยวนทงยังมีโบสถ์ไทยอันเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธชินราชจำลองที่ท่านนายกเกรียงศักดิ์  ชมะนันท์ ได้อันเชิญมาจากพิษณุโลก เพื่อเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีระหว่างไทย-จีน นับเป็นพระพุทธรูปองค์แรกของไทยที่ถูกอัญเชิญมาประดิษฐานไว้ในวัดเมืองจีน ดิฉันได้ไปกราบก่อนเดินทางกลับเพื่อเป็นสิริมงคล
ขอบคุณแหล่งข้อมูลและภาพถ่ายสวยๆๆ
http://www.thaimoderntravel.com

http://www.ohomylife.com