ทะเลสาบหลูกู ตั้งอยู่ระหว่างอำเภอหนิงลั่งมณฑลยูนนานกับอำเภอเอี๋ยนจินของมณฑลเสฉวน ห่างจากลี่เจียงเมืองโบราณที่มีชื่อ เสียงของมณฑลยูนนานประมาณ270กิโลเมตร มีความสูงเหนือ ระดับน้ำทะเล2,680เมตร ผิวน้ำมีพื้นที่52ตารางกิโลเมตร เฉลี่ยความลึกประมาณ40เมตร มีความลึกที่สุดถึง93เมตร เนื่องจากไม่มีมลภาวะ น้ำจึงบริสุทธิ์ใสสะอาด สามารถมองเห็นใต้น้ำได้ลึกถึง12เมตร
ทะเลสาบหลูกูเสมือนหนึ่งอัญมณีที่ประดับในอ้อมอก ของภูเขา ได้รับฉายาว่า
"อัญมณีบนที่ราบสูง" "พื้นที่บริสุทธิ์ในทางภาคตะวันตก เฉียงเหนือของมณฑลยูนนาน"และ"สิ่งมหัศจรรย์ธรรมชาติในตะวัน ออก"เป็นต้น บริเวณรอบข้างทะเลสาบหลูกูมีป่าดิบที่หนาทึบ อากาศดี ท้องฟ้าสีครามและเมฆสีขาว ที่สะท้อนกับท้องน้ำท่ามกลางอากาศเย็นสบายสดชื่นและวิถีชาวบ้านที่เรียบง่าย มักจะทำให้นักท่องเที่ยวลืมตัวว่า ตนเองอยู่ในโลกจริงหรือ อยู่ในโลกแห่งความฝันกันแน่ ความงดงาม และมนต์ขลังของ
ทะเลสาบหลูกู เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจสำหรับนักเดินทางอย่างเรา เมื่อมีโอกาสได้ไปเยือนทะเลสาบแห่งนี้ เหมือนต้องมนต์สะกดกับภาพที่ปรากฏตรงหน้า ทะเลสาบหลูกูหูงดงามราวกับภาพวาด สวยงามทั้งในภาพฝัน และภาพจริงเลยเชียว
การเดินทางอันแสนยาวนานกับการไปเยือนหลูกูหูครั้งนี้ เริ่มต้นด้วยการนั่งรถไฟกลับจากซีอาน มาลงปลายทางที่พานจื่อฮวา แล้วต่อรถประจำทางแบบ (นั่ง) มาราธอนอีก 2 ต่อ ข้ามภูเขาหลายสิบลูก ตั้งแต่เช้าจรดค่ำกว่าจะถึงปลายทาง การเดินทางเต็มไปด้วยรสชาติของความสนุก ตื่นเต้น ผจญภัย

และแล้วเราก็เดินทางถึงที่พัก ที่ทะเลสาบหลูกูหู ที่พักที่นี้ มีทุกอย่างครบ ห้องน้ำอย่างดีพร้อมน้ำอุ่น เครื่องปรับอากาศ ผ้าห่มไฟฟ้า ทีวีที่รับได้ทุกช่องรวมไปถึง HBO และมี Hi-Speed Wifi ให้ใช้ฟรี เราเก็บสัมภาระเรียบร้อยกันเสร็จแล้ว ก็ออกไปสำรวจเส้นทาง โดยการขี่จักรยานเช่าปั่นสำรวจเส้นทางลัดเลาะไปตามแนวทะเลสาบ ถนนทอดตัวเลื้อยยาวไปตามเนินคดโค้ง ขึ้นๆลงๆ ตามความลาดชันของภูเขาที่โอบล้อมทะเลสาบไว้ มองเห็นเกาะเล็กๆ กลางทะเลสาบ ชาวบ้านออกเรือหาปลา สุนัขวิ่งไปมา บ้านเรือนปลูกเป็นแนวขนานบนที่ราบสองฝั่งถนน สลับกับสวนผลไม้ และไม้ยืนต้นจำพวกสน สวยมาก บรรยากาศดีมาก ค่ำคืนนี้ ท้องฟ้าใสกระจ่าง เรายืนดูดวงดาวเงียบๆ ริมทะเลสาบท่ามกลางความหนาวเหน็บ ได้ยินเสียงความเงียบสลับกับเสียงลมหายใจของตนเอง เช้าวันรุ่งขึ้น จุดหมายปลายทางของวันนี้คือที่ เฉาไห่ หรือ 'ทะเลหญ้า' เป็นอ่าวแหลม ๆ แห่งหนึ่งในหลูกูหู แต่มีลักษณะพิเศษคือมีหญ้าและพืชน้ำขึ้นอยู่เต็มบริเวณ ทั้งสองฟากมีหมู่บ้านเก่าแก่ซึ่งเชื่อมต่อกันด้วยสะพานไม้ยาวเหยียด ทราบมาว่าบริเวณนี้เป็นจุดชมนกที่สำคัญแห่งหนึ่งด้วย แต่ช่วงที่เรามานี้ไม่ใช่ฤดู ไม่มีนกสักตัว

นอกจากความงามทางธรรมชาติแล้ว วิถีชีวิตชาวโมโซที่อาศัย อยู่ริมทะเลสาบก็เป็นเสน่ห์ตรึงใจชาวโลกเช่นกันนะค่ะ ชาวโมโซยังรักษาธรรมเนียมดั้งเดิมของครอบครัวโดยที่ผู้หญิงเป็นใหญ่ในบ้านจนผู้หญิงที่เก่งที่สุดจะเป็นผู้ปกครอง ในครอบครัว ชาย-หญิงจะไม่แต่งงานกัน แต่อยู่ด้วยกันเป็นครั้ง คราวได้ โดยต้องไปค้างคืนที่บ้านฝ่ายหญิง เมื่อชาวโมโซมีอายุถึง13ปีก็จะเชิญพี่ชายหรือน้องชายของคุณแม่และผู้ใหญ่ในตระกูลสายเดียว กันจัดพิธีฉลองการบรรลุนิติภาวะ เป็นสัญลักษณ์แสดงว่า เด็กได้โตเป็นหนุ่มหรือสาว สามารถเข้าร่วมกิจกรรมคบค้าสมาคม และไปหาคู่รักอย่างเสรีได้แล้ว หากชายหญิงรักกัน ฝ่ายชายก็จะมอบเครื่องประดับทั้งทอง เงินหรือหยก ลูกประคำและแถบผ้าไหมให้ฝ่ายหญิงตามกำลังทรัพย์ ของตน ส่วนหญิงสาวก็จะนำเครื่องประดับที่ตนเองชอบให้ฝ่ายชาย นับเป็นสิ่งยืนยันความสัมพันธ์ที่เป็นเพื่อนสนิทพิเศษที่เรียกว่า
"อาเซี่ย"กัน แต่ก็มีบางคน พบครั้งเดียวก็รักกันสร้างความสัมพันธ์เป็น
"อาเซี่ย"ผู้ชายจะช่วยทำงานที่บ้านตนเองในกลางวันและไปค้างคืนที่บ้านผู้หญิงในกลางคืน เช้ารุ่งขึ้น ก็กลับบ้าน ความสัมพันธ์ของ
"อาเซี่ย"จะยั่งยืนแค่ไหนขึ้นอยู่กับความรักของสองฝ่าย นานที่สุดอาจ จะถึงหลายสิบปี ที่สั้นที่สุด อาจจะมีไม่กี่วันก็ได้ หากสองฝ่ายไม่รักกันอีกแล้ว หรือมีฝ่ายหนึ่งไม่รักอีกฝ่ายหนึ่งแล้ว ก็จะยกเลิกความสัมพันธ์"อาเซี่ย"กันอย่างอัตโนมัติ เนื่องจากชายกับญิงไม่ต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน จึงไม่มีการ ทะเลาะเบาะแว้ง พวกเขาให้เกียรติซึ่งกันและกัน เมื่อผู้หญิงคลอดบุตรแล้ว แม่หรือพี่สาวน้องสาวของฝ่ายชายก็จะ นำสิ่งของจำนวนมากไปเยี่ยม แม้ฝ่ายชายไม่ต้องดูแลลูก แต่เมื่อรู้ว่า เด็กคนไหนเป็นลูกของตนเองก็ต้องไปเยี่ยมและช่วยดูแล เป็นประจำ ส่วนลูกก็จะไหว้คุณพ่อในยามจัดพิธีเป็นชายหนุ่มหรือหญิง สาวเต็มตัวที่เรียกว่า
"เฉินติง"และต้องไปกล่าวอวยพรปีใหม่ที่บ้านพ่อ เนื่องจากสมาชิกในครอบครัวที่มีความสัมพันธ์เป็นเชื้อสาย เดียวกัน จึงสนิทสนมกันมากโดยไม่มีการทะเลาะวิวาทกัน ระบบครอบครัวที่มีเอกลักษณ์นี้ได้กลายเป็นข้อมูลตัวอย่างสังคมแบบที่แม่เป็นใหญ่ในการวิจัยทางมนุษยวิทยาและสังคมวิทยา ทั้งนี้ไม่ เพียงแต่ดึงดูดนักวิชาการทั้งภายในและนอกประเทศไปทำการวิจัยเท่านั้น หากยังดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากด้วย
ขอบคุณข้อมูลและภาพสวยๆ
http://www.thaibizchina.com
http://www.tenpointstravel.com
http://thai.cri.cn