วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2555

เมืองโบราณจงเตี้ยน



เดินทางออกจากลี่เจียง ณ จุดโค้งแรกแม่น้ำแยงซี มาจนเข้าเขตชายขอบที่ราบสูงธิเบต ในเขตที่เรียกว่า "เขตปกครองตนเองชนชาติธิเบตแห่งตี๋ชิง"  ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองจงเตี้ยน ภูมิประเทศส่วนนี้เป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ พลเมืองส่วนใหญ่เป็นชนชาติธิเบต เขตจังหวัดตี๋ชิงนี้อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือสุดของมณฑลยูนนาน ติดที่ราบสูงธิเบต และเป็นรอยต่อกับมณฑลเสฉวน
ดิฉันอยู่ที่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเล ๓๓๐๐ เมตร อาการ ส่งผลค่อนข้างชัด มีตั้งแต่เวียนศีรษะ คลื่นไส้ ผะอืดผะอม คำว่า"จง" นั้นหมายถึงศูนย์กลาง หรือ สิ่งที่กว้างใหญ่อันเป็นศูนย์กลาง ส่วน"เตี้ยน" นอกจากจะแปลว่าทุ่งหญ้า แล้ว ยังอาจแปลว่า อาณาจักร ได้ด้วย
ความที่ดินแดนที่ราบสูงธิเบตมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรล้ำค่าจากธรรมชาติ แต่เข้าถึงยาก ทำให้เป็นเหมือนดินแดนต้องห้าม และประตูแห่งจงเตี้ยนยังปิดตายจากสายตาโลกภายนอกตลอดช่วงที่จีนเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นคอมมิวนิสต์ตั้งแต่ปีพ.ศ.๒๔๙๒ ซึ่งก็เป็นธรรมดาของมนุษย์ที่อะไรที่เขาห้ามเนี่ย ดูช่างท้าทายให้ค้นหา ประจักษ์แก่สายตาตนเองให้ได้
จากนั้นใครๆก็พากันเสาะหาว่าดินแดนจุดใดของที่ราบสูงธิเบตที่เป็นแรงบันดาลใจให้เจมส์ ฮิลตัน เขียนนิยายเรื่องนี้ เจ้าหน้าที่จีนในยุค Visit China Year จึงไม่รีรอที่จะโหนกระแสนี้และระบุหลายจุดทีเดียวที่ถูกกล่าวอ้างว่าเป็นเมืองแมนแดนสวรรค์ แน่นอนที่"จงเตี้ยน" ก็เป็นหนึ่งในนั้น
ในปีพ.ศ. ๒๕๔๕ รัฐบาลจีนได้เปลี่ยนชื่อ เมืองจงเตี้ยน ( จากเดิมที่มีชื่อในภาษาธิเบตว่า เจี้ยนถัง)เป็น "แชงกริ-ล่า" ให้ชัดๆเป็นทางการซะเลยแน่ะ แต่ภาษาจีนเขาออกเสียงว่า "เซียงเกอ หลี ลา" แปลว่า ที่ซึ่งสุริยันจันทราประทับในดวงจิตนี่ยังไม่ได้เข้าในเมืองจงเตี้ยน ที่เห็นแต่ไกลเป็นจุดสีทองคือ
วัดธิเบต "ซงจ้านหลิน" ที่ดิฉันจะแวะก่อน มองแต่ไกลงามสง่าละม้ายคล้าย พระราชวังโปตาลา ที่กรุงลาซา ของธิเบตวัดนี้สร้างในสมัยทะไลลามะองค์ที่ ๕ ด้วยศิลปะสถาปัตยกรรมอันอลังการน้องๆพระราชวังโปตาลา เลยได้อีกสมญาว่า Little Potala 
วัดนี้เขาพามาชมเพราะเป็นวัดนิกายลามะแบบธิเบตที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลยูนนาน อายุเก่าแก่กว่า ๓๐๐ ปี กว่าจะไต่บันไดขึ้นไปนมัสการ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรได้ก็พักไปเป็นระยะ เขาให้ทำอะไรช้าๆ ไหว้เสร็จออกมานั่งพักมองดูพระวัยรุ่นห่มจีวรสีออกแดงน้ำตาล ใส่รองเท้าผ้าใบไนกี้ เดินกันจีวรปลิว
ออกจากวัดจึงเข้าสู่ตัวเมืองจงเตี้ยนแม้ผู้คนที่เราพบเห็นจะยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นมิตรมาก เสื้อผ้าแบบพื้นเมืองธิเบตประยุกต์เข้ากับกางเกงยีนส์และบูทสูง แต่ตัวเมืองจงเตี้ยนนั้นช่างไร้เสน่ห์แห่งธิเบตอย่างสิ้นเชิง เห็นแต่ตึกแถวแท่งๆแบบจีนๆ ไม่มีวิสัยทัศน์เรื่องความงาม คุณธีรภาพ โลหิตกุลใช้คำ"สถาปัตยกรรมที่ดูไร้รสนิยม" เพราะฉะนั้นความงามของแชงกริ-ล่า จึงไม่ได้อยู่ในตัวเมืองจงเตี้ยนแน่นอน นักท่องเที่ยวฝรั่งมักมาที่จงเตี้ยนเพื่อเป็นจุดเดินทางต่อไปยังธิเบตโดยเครื่องบิน

อย่างไรก็ตามที่นี่เขาก็มี"เมืองโบราณจงเตี้ยน" ที่รัฐบาลจีนบูรณะให้งดงามจากการมองเห็นความสำเร็จของ"เมืองโบราณต้าหยัน" ที่ลี่เจียง แต่เป็นการพยามสร้างขึ้นใหม่ในแบบโบราณ ของเก่าเหลือแค่บ้านชาวธิเบตที่อายุ ๔๐๐ ปี หลังเดียวที่รอดจากน้ำมือพวกเรดการ์ด ในสมัยปฏิวัติวัฒนธรรม  ที่รอดมาได้ก็เพราะพวกเรดการ์ดใช้เป็นที่พักแวะเดินชมเมืองโบราณ(ปลอมๆ) แล้วก็พากันเดินลึกเข้าไปถึง วัดต้าฝอ อยู่บนเนินเขาใจกลางเมืองโบราณจงเตี้ยน  "กงล้อมนตราทองคำ" ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก น้ำหนัก ๖๐ ตัน สูง ๑๙ เมตร จารึกบทสวดมนต์ ๑๒,๔๐๐ ล้าน ตัวอักษรตามความเชื่อของพุทธศาสนานิกายมหายานตันตระแบบธิเบตนี้ เขาบอกว่าการหมุนกงล้อที่เป็นแท่งเหล็กจารึกบทสวดมนต์นี้เปรียบเสมือนได้สวดมนต์โดยไม่ต้องสวดเอง ใช้วิธีลัดก็ได้บุญ ดังไปถึงสวรรค์นั่นแน่ะนี่กงล้อมนตราแบบธรรมดา และนี่กงล้อมนตราที่ใหญ่ที่สุดในโลก ให้เปรียบเทียบกันดูเขามีแกนให้จับแล้วช่วยกันหมุน

วันรุ่งขึ้นบินกลับลงไปที่คุนหมิง เพื่อต่อเครื่องกลับกรุงเทพ ลงมาที่ต่ำแค่ ๑๘๐๐ เมตรจากระดับน้ำทะเล สมกับที่ชื่อว่า "เมืองที่มีฤดูใบไม้ผลิตลอดปี" ความเจริญของคุนหมิงนั้นน่าทึ่ง และมีคนบอกว่าอสังหาริมทรัพย์แพงกว่ากรุงเทพเสียอีก
ขอบคุณข้อมูลและภาพสวยๆๆ

http://www.mickotravel.com
http://abroadtour.com

เขาเซียงซาน


     
     เขาเซียงซาน  เป็นอีกสถานที่ที่คุณควรเพิ่มไว้ในโปรแกรมการท่องเที่ยวของคุณ ด้วยตำแหน่งที่ตั้งที่อยู่ห่างจากตัวเมืองปักกิ่ง ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ประมาณ 20 กิโลเมตร จึงไม่ใช่เรื่องยากในการเดินทางไปเขาเซียงซาน

      ภูเขาแห่งนี้มีความสำคัญและโด่งดังก็เนื่องมาจาก ความเป็นสถานที่พักผ่อนของจักรพรรดิจีนตั้งแต่ราชวงศ์ จิน หยวน หมิง จนมาถึงราชวงศ์หลังสุดคือ ชิง โดยในรัชสมัยของ เฉียนหลงฮ่องเต้ การก่อสร้างพระตำหนักและเก๋ง เพื่อชมทิวทัศน์ขององค์จักรพรรดิ ได้ขับให้ภูเขาแห่งนี้ให้มีความงดงามยิ่งขึ้นไปอีก ทั้งนี้ ช่วงเวลาของการชมใบไม้แดงแบบสมบูรณ์ที่เซียงซาน ในแต่ละปีนั้นนับว่าสั้นมาก คืออยู่ที่ราว 2-3 สัปดาห์ ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวก็ขึ้นอยู่กับว่าอากาศในแต่ละปีเป็นเช่นไร ความไม่แน่นอนดังกล่าวทำให้ นักท่องเที่ยวหลายคนผิดหวัง บ้างไปเร็วเกินก็มีโอกาสเพียงได้เห็นใบไม้แดงตัดกับใบไม้เหลือง-เขียวเล็กน้อย แต่หากไปช้าก็ถือว่าเสียเที่ยว เพราะจะเหลือแค่กิ่งไม้แห้งๆ ไว้ให้ชมแค่นั้น

      เกือบทุกปีที่เซียงซาน ในช่วงเวลาที่ใบไม้แดงนี้จะมี เทศกาลใบไม้แดง ซึ่งนักท่องเที่ยวนอกจากจะได้ชมใบไม้แดงแล้ว ยังมีโอกาสได้เดินเล่นตามถนนขึ้นสู่ประตูทางเข้า โดยตลอดสองข้างทางนั้น มีการขายของที่ระลึก อาหาร ขนมเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่น สายไหม เนื้อแพะ-นกกระจอกทอด ปอเปี๊ยะ
(ชุนจ่วนร์) มันเผา ข้าวโพดปิ้ง นอกจากนี้ยังเพิ่มสีสันด้วย ศิลปินริมทางที่มาตั้งเก้าอี้รับจ้างวาดรูปเหมือนมากมายหลายเจ้า ในช่วงสุดสัปดาห์ที่นี่จะพลุกพล่านไปด้วยผู้คนนับพันนับหมื่นคนที่ต่างหลั่งไหล มาจากทุกสารทิศ หากชอบความสงบแล้วควรหลีกเลี่ยงช่วงวันหยุดและเดินทางมาในวันธรรมดาจะดีกว่า ระหว่างเดินขึ้นเขา ถ้าหากพอมีเวลา อาจจะแวะเวียนไปที่

วัดเก่าแก่ชื่อ วัดเมฆหยก (ปี้หยุนซื่อ) ศาสนสถานที่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์หยวน บนเขาเซียงซานจะมีจุดชมทิวทัศน์ที่สูงที่สุดชื่อ เซียงหลูเฟิง ซึ่งมีความสูงจากระดับน้ำทะเล 557 เมตร
      ในการขึ้นเขาเซียงซาน คุณเลือกที่จะเดินขึ้นก็ได้ หรือถ้าชอบสบายก็นั่งกระเช้าขึ้นไปก็ได้ ตลอดทางขึ้นเขาเซียงซานหากมองลงมายังทิวทัศน์เบื่องล่างก็จะเห็นเทือกเขาสลับสี ที่งดงามมาก อัตราค่าเข้าชม: 10 หยวน
ขอบคุณข้อมูลและภาพสวยๆๆ
http://travel.thaiza.com/detail

เที่ยวเมืองอู๋ซี......เซี่ยงไฮ้น้อย


     
     วันนี้ ดิฉันจะเดินทางออกจากนครเซี่ยงไฮ้ ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 128 กิโลเมตร เพื่อไปเที่ยว  ชม อู๋ซี เมืองเก่าที่งดงามแห่งหนึ่งของมณฑลเจียงซูค่ะ
     อู๋ซี  มีประวัติมากกว่า 3,000 ปี เป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำ เพราะอยู่ริมทะเลสาบไท่หู ที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ติดต่อกับสองมณฑล คือมณฑลเจ้อเจียงและมณฑลเจียงซู เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของจีน มีการเพาะเลี้ยงไข่มุกน้ำจืดที่ขึ้นชื่อของประเทศจีน มีทิวทัศน์สวยงามที่สุดในตอนใต้ของแม่น้ำแยงซี จัดเป็นเมืองท่องเที่ยว 10 อันดับแรกของจีน แต่ละปีรองรับนักท่องเที่ยวหลายสิบล้านคน การวางผังเมืองอู๋ซีเป็นไปตามลักษณะของเมืองยุคเก่าของจีนอีกหลายเมือง คือมีลักษณะเป็นรูปวงกลม ภายในเมืองมีคลองเก่าหลายสายตัดไขว้กันไปมา ปัจจุบันคลองสายหลักยังเป็นเส้นทางสัญจรของเรือขนาดใหญ่
     หลี่หู   เป็นทะเลสาบอีกแห่งหนึ่งในเมืองอู๋ซี มีอีกชื่อหนึ่งว่า ทะเลสาบอู่หลี่ เนื่องจากยุคสมัยชุนชิวและจ้านกั๋วของจีน นายฟ่านหลี่ บุคคลชื่อดังในสมัยนั้นเคยล่องเรือกับหญิงงามนามไซซีในทะเลสาบแห่งนี้ จึงได้ชื่อว่า "หลี่หู" ริมทะเลสาบนี้มีทิวทัศน์หลายสิบแห่งเป็นสวนสาธารณะที่เปิดให้บริการฟรีต่อประชาชน นับเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่ดี ยามพลบค่ำ ชาวเมืองและนักท่องเที่ยวมักจะชอบมาเดินเล่นตามทะเลสาบ ท่ามกลางแสงไฟหลากสี และลมพัดเย็นสบาย ทำให้รู้สึกสดชื่นมาก คุณจ้าวเป็นชาวเมืองอู๋ซีที่พักอยู่บริเวณใกล้ทะเลสาบแห่งนี้ เธอกล่าวว่า ทะเลสาบหลี่หูในเวลากลางคืนมีเสน่ห์มาก"ทะเลสาบหลี่หูมีทิวทัศน์ที่สวยงามมากอยู่แล้ว แสงไฟยิ่งเพิ่มสีสันและความงามให้ ถ้าไปนั่งชิงช้าสวรรค์ชมวิว ยิ่งดูสวยงามมากทีเดียวค่ะ"ทิวทัศน์ยามราตรีของที่นี่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างท้องถิ่นด้วย คุณจางมาจากนครเซี่ยงไฮ้กล่าวว่า"กลางคืนมาที่นี่ วิวสวย อากาศก็เย็นสบาย เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่ดี เมื่อรับประทานอาหารเย็นเสร็จ ก็อยากจะมาเดินเล่นแถวนี้


การไปเที่ยวกลางคืน ต้องไม่ควรพลาดการชิมอาหารพื้นเมือง ถนนชิงสือเป็นตลาดอาหารพื้นเมืองที่มีชื่อเสียงของเมืองนี้ สร้างขึ้นเมื่อเดือนกรกฏาคมปี 2000 สองข้างทางเป็นสถาปัตยกรรมแบบยุโรป ด้วยการพัฒนาเป็นเวลาหลายปี ได้กลายเป็นแหล่งดึงดูดใจทั้งชาวเมืองอู๋ซีและนักท่องเที่ยวจากต่างท้องถิ่นด้วย บนถนนสายนี้ มีอาหารมากมายหลายประเภท มีทั้งจำพวกปิ้งย่าง สุกี้หม้อไฟ อาหารเสฉวน อาหารหูหนาน และอาหารพื้นเมืองต่างๆด้วย นับเป็นแหล่งรวมอาหารพื้นเมืองรสชาติดีของจีนแห่งหนึ่ง ชาวเมืองอู๋ซีรู้จักถนนชิงสือกันเกือบทุกคน ส่วนนักท่องเที่ยวต่างถิ่นไปเมืองอู๋ซีแล้วก็ต้องแวะไปที่ถนนสายนี้ กล่าวได้ว่า การพัฒนาของถนนชิงสือได้ผลักดันการพัฒนากิจการท่องเที่ยวและธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มในยามราตรีของเมืองนี้

หากนักท่องเที่ยวสนใจอาหารพื้นเมืองขนานแท้ของเมืองอู๋ซี ก็เชิญไปตลาดอาหารที่ตั้งอยู่ถนนเป่ยถางต้าเจีย ซึ่งตั้งอยู่ริมคลองโบราณอายุพันปี ยาว 680 เมตร สองข้างถนนมีแผงขายอาหาร กว่า 120 แผง มีอาหารสารพัดอย่างคอยรองรับนักชิมทั้งหลาย

หากอยากจะไปช็อปปิ้งกลางคืน ต้องไปถนนจงซาน ซึ่งเป็นย่านการค้าที่มีมูลค่าการจัดจำหน่ายอยู่อันดับที่ 7 ของทั่วประเทศจีน และเป็นแหล่งช็อปปิ้งที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของชาวเมืองอู๋ซี ถนนจงซานในตอนกลางคืนไม่จอแจเหมือนตอนกลางวัน ถนนคนเดินที่กว้างใหญ่ ดอกไม้ใบหญ้า รวมทั้งแสงไฟหลากสีสันที่อยู่สองข้างทางตกแต่งให้ถนนสายนี้ แลดูสวยงามยิ่ง กล่าวสำหรับชาวเมืองอู๋ซีแล้ว ไปถนนจงซาน ทั้งได้พักผ่อนหย่อนใจและหาซื้อสินค้าที่ตนเองชอบได้ด้วย"ที่นี่เป็นย่านการค้าที่คึกคักที่สุดของเมืองอู๋ซี มีสินค้าสารพัดอย่าง มากกว่าในห้างสรรพสินค้าเสียอีก แถมต่อรองราคาได้"นอกจากร้านค้าเล็กๆแล้ว ถนนจงซานยังมีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่หลายแห่งตั้งอยู่ ถ้านักช็อปทั้งหลายไปถึงแล้ว จะชอบใจมากเลยทีเดียว

จริงๆแล้ว ไปเที่ยวเมืองอู๋ซีในเวลากลางคืน ยังมีอีกหลายจุดที่น่าสนใจ อย่างเช่น จตุรัสไท่หู วัดขงอาน วัดหนานฉัน ถนนบาร์เบียร์หูปิง เป็นต้น ถ้ามีโอกาส เชิญไปท่องราตรีที่เมืองอู๋ซีนะคะ
ขอบคุณข้อมูลและภาพสวยๆค่ะ
http://www.oknation.net

วันพุธที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2555

ภูเขาหิมะมังกรหยก



        
ภูเขาหิมะมังกรหยก หรือ อวี้หลงเซี่ยซาน ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเก่าลี่เจียง เป็นภูเขาสูงที่ตั้งตระหง่าน ซึ่งมีหิมะปกคลุมอยู่ตลอดทั้งปี ทิวเขาแห่งนี้ประกอบไปด้วยสภาพแวดล้อมต่างๆ ทั้งหุบห้วย ธารน้ำ แนวผา และทุ่งหญ้าน่าซี ทิวเขาแห่งนี้เมื่อมองจากระยะไกล จะเห็นเป็นลักษณะคล้ายมังกรกำลังเลื้อย สีขาวของหิมะที่ปกคลุมอยู่นั้นดูราวกับหยกขาว ที่ตัดกับสีน้ำเงินของท้องฟ้า คล้ายมังกรขาวบนฟากฟ้า ทิวเขาแห่งนี้จึงได้ชื่อว่า ภูเขาหิมะมังกรหยก 

      สามารถนั่งกระเช้าไฟฟ้า ขึ้นสู่จุดชมวิวบนยอดเขาที่ความสูงกว่า 3,356 เมตร และสูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 4,506 เมตร เพื่อชมวิวทิวทัศน์และธรรมชาติบนจุดที่สวยงามที่สุด ตลอดสองข้างทางที่ขึ้นยอดเขา ชื่นชมและดื่มด่ำกับความหนาวเย็นของธรรมชาติ อีกทั้งภูเขาหิมะมังกรหยกแห่งนี้ ยังเป็นที่มาของตำนาน ชนเผ่าน่าซี ที่อาศัยอยู่ในเขตที่ราบแถบนี้มานานนับพันปี ทิวเขาแห่งนี้มีพันธุ์พืชปกคลุมอย่างหนาแน่น ช่วงฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้ป่าจะผลิบานมีสีสันตระการตา ผู้คนจะพากันต้อนสัตว์เลี้ยง พวก แพะ แกะ และจามรีเพื่ออกมากินหญ้า
   
   
ฉันได้ไปดูหิมะสวยๆ บนเขาหิมะมังกรหยกหรือ Yulong Mountain ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองลี่เจียงออกไปประมาณ 40 กิโลเมตร โดยการว่าจ้างแท๊กซี่ให้ไปส่งยังจุดที่ขึ้นรถบัส ซึ่งจะต่อไปยังจุดที่จะขึ้นเคเบิลคาร์ ซึ่งจะอยู่ที่ระดับ 3,300 เมตรจากระดับน้ำทะเล ที่นั่นมีนักท่องเที่ยวเยอะมากรอขึ้นเคเบิลคาร์ จุดที่เคเบิลคาร์ไปส่ง จะเป็นระดับที่สูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 4,500 เมตร ซึ่งอากาศจะหนาวมากๆๆ เห็นลานหิมะเต็มไปหมด มีทางเดินสำหรับให้เดินขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ ในระดับความสูงที่มากขึ้น ระหว่างที่เดิน ฉันรู้สึกหายใจขัดๆเล็กน้อย ต้องค่อยๆเดินค่ะ เพราะอากาศที่นั่นค่อนข้างเบาบาง ฉันได้ไปชมสวนสระมังกรดำ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองลี่เจียง ในนั้นจะเป็นสวนที่มีสระขนาดใหญ่ บรรยากาศผ่อนคลาย มีภาพของภูเขาหิมะมังกรหยกอยู่เบื้องหลัง สวยงามมากจนทำให้นึกไปถึงภาพวาดพู่กันแบบจีนที่จะเห็นเป็นภาพของสวน เก๋งจีน สระน้ำ สะพานหิน รายล้อมด้วยภูเขาสูงใหญ่ ขาดแต่ไม่มีภาพของหญิงที่แต่งกายโบราณแบบจีนยืนเป็นนางแบบเท่านั้น ภูเขาหิมะมังกรหยกเนี่ยนับเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของชนเผ่าต่างๆ ในลี่เจียงค่ะมีทั้งหมด 12 ยอด ยอดที่สูงที่สุดของเทือกเขานี้สูงจากระดับน้ำทะเล 5,596 เมตร ยอดสูงที่สุดชื่อ ซานจือโต่วแม้จะสูงเพียง 5,596 เมตร แต่ว่ากันว่าทุกวันนี้ยังไม่มีมนุษย์คนใดสามารถพิชิตยอดเขาซานจือโต่วนี้ได้สำเร็จ ว่ากันว่ามองดูแล้วเขาแห่งนี้มีลักษณะคล้ายมังกรนอนอยู่บนก้อนเมฆ จึงเป็นที่มาของชื่อค่ะ  ฉันขึ้นไปบนภูเขามังกรหยกหิมะหยู่หลงสโนว์(Yulong Snow Mountain)ฝันแรกที่อยากมาดูนานแล้ว อยู่ห่างจากตัวเมืองลี่เจียงไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 35 ก.ม. ชาวเผ่าน่าซี่ในหัวใจนับถือว่าเป็นภูเขาที่สิงสถิตย์ของเซียนเทพยาดา มีความสูงประมาณ 5,596 เมตร หิมะปกคลุมตลอดปี แถบทุ่งหญ้าที่ราบสูงเป็นเทือกเขาทรุดตัวมี 12 ยอด สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 4,500 เมตร ยอดที่สูงที่สุดของมังกรหยกหิมะหยู่หลงสโนว์ชื่อ “ส้านจื่อถู Shanzi dou” เป็นภูเขาที่มีหิมะอยู่ใกล้ทวีปเอเซีย – ยุโรปมากที่สุด มีมหาสมุทรธารน้ำแข็งใหม่ 19 แห่ง และเมื่อปีค.ศ.2001 ได้ถูกนับให้เป็นน้องยอดภูเขามัทเทอร์ฮอน(Matterhorn Peak) ของเทือกเขาแอลป์(Alpines)ในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ค่าผ่านด่านเข้าไปยังภูเขาราคา 80 หยวนหรือเกือบสี่ร้อยบาท สามารถไปขึ้นกระเช้าถึงลานทุ่งหญ้า “หยินซานผิง”และภูเขาหิมะใหญ่ ทิวทัศน์ข้างบนนี้สวยงาม แต่จะมีปัญหาสำหรับบางคนที่แพ้ความสูง อาจจะเกิดอาการเหนื่อยปวดหัวเดินไม่ไหวและหายใจไม่ออก เนื่องจากอากาศเบาบางมีน้อย จึงต้องหยุดพักและซื้อออกซิเจนที่มีวางขายเป็นถังเล็กๆ เอาใว้ใช้สูดเพิ่มอ๊อกซิเจนเข้าไปในปอด กระเช้าขึ้นชมวิวภูเขามังกรหยกหิมะหยู่หลงสโนว์มีอยู่ถึงสามแห่งในเวลานี้ เลือกได้ตามใจวิวสวยงามมากๆทุกที่ได้ระดับชั้นสุดยอดที่ท่องเที่ยว 5 ดาวของการท่องเที่ยวแห่งประเทศจีนมหัศจรรย์ความสวยภูเขามังกรหยกหิมะหยู่หลงสโนว์
ขอบคุณข้อมูลและภาพสวยๆ
http://www.holidaythai.comhttp
http:www.gotoknow.org